เทิร์นผิวหนังไก่ให้เรียบเนียนชุ่มชื้น “Strawberry Legs” ปัญหาขาลายจุดจากขนคุดหรือ ผิวหนังไก่  จุดเล็ก เล็กที่ลดทอนความมั่นใจ ขนคุด หรือ Keratosis Pilaris เกิดจากการแบ่งเซลล์ผิวผิดปกติ ร่วมกับเกิดการอุดตันที่บริเวณของรูขุมขน ทำให้ผิวบริเวณนั้น แห้ง คัน ระคายเคือง มีตุ่มตอบริเวณรูขุมขน นอกจากนี้ยังมีการอักเสบและเกิดการผลิตเม็ดสีเมลานินเข้มผิดปกติเป็นจุดดำ ขนคุดสามารถเกิดได้ทุกบริเวณของร่างกายที่มีรูขุมขนและเส้นขนนั่นเอง แต่มักจะพบมากในบริเวณต้นแขน และต้นขา ซึ่งมีปัจจัยทางด้านกรรมพันธุ์เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย มักพบในผู้ใหญ่พบมากถึง 40% นอกจากนี้อาจมีปัจจัยอื่นมากระตุ้น เช่น การระคายเคืองจากการขาดความชุ่มชื้นหลังโกนขน 2 หัวใจสำคัญในการดูแลปัญหาผิวขนคุด คือ 1.บำรุงเสริมเกราะสร้างความแข็งแรงผิว บรรเทาอาการ แห้ง คัน ระคายเคือง หรือการอักเสบจากภาวะผิวขาดความชุ่มชื้น 2.เร่งกระบวนการผลัดเซลล์ผิว พร้อมสลายเซลล์ผิวที่อุดตันบริเวณรูขุมขนเพื่อลดการอุดตันอย่างอ่อนโยน ด้วยการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีความเป็นกรดอ่อนสำหรับผลัดเซลล์ผิว หรือเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีเทคโนโลยี MVE ช่วยลดการเสียน้ำที่ผิว Salicylic Acid, Lactic Acid ช่วยผลัดเซลล์ผิวอุดตันเก่า เปิดรูขุมขน ปรับผิวเรียบเนียน สนใจสอบถามข้อมูลการดูแลผิวพรรณเพิ่มเติม เชิญปรึกษาเภสัชกรประจำร้าน HealthyMax เพิ่มเพื่อนทักเลย LINE OA @HealthyMax ช้อปสุขภาพดี 24 ชั่วโมง

โบกกันแดดจนฉ่ำแต่ผิวก็ยังคล้ำเสีย ครีมกันแดด หนึ่งในผลิตภัณฑ์คีย์เพื่อผิวสุขภาพดี การป้องกันย่อมดีกว่าการรักษาแต่การปกป้องไม่ถูกวิธีอาจก่อให้เกิดปัญหาผิวตามมาโดยไม่รู้ตัว หลายท่านมีความเชื่อ หากทาครีมกันแดดโบกหนา ฉาบฉ่ำแล้วจะมีสุขภาพผิวที่ดี ซึ่งนั่นอาจยังไม่เพียงพอ การใช้ครีมกันแดดนอกจากการทาในปริมาณที่เพียงพอ ตามคำแนะนำในงานวิจัย คือ 2 มิลลิกรัม ต่อตารางเซนติเมตร แล้วความถี่ในการทาต้องเพียงต่อระยะเวลาการสัมผัสแสงแดด นอกจากนี้รูปแบบของครีมกันแดดก็มีความสำคัญ เช่น ความข้นเหลวของครีมมีผลต่อการเกลี่ยซึ่งส่งผลต่อการป้องกัน หากเลือกครีมกันแดดที่ไม่เหมาะกับประเภทผิว หรือลักษณะการใช้งาน ก็อาจทำให้การปกป้องไม่เต็มประสิทธิภาพนำมาสู่ผิวคล้ำเสีย และปัญหาผิวอื่นตามมา เช่น พนักงานผลิตจิวเวลรี่กับนักกีฬาทางทะเลมีหลักการเลือกครีมกันแดดที่ต่างกันตามคุณสมบัติการปกป้อง หรือแม้แต่บุคคลเดียวกันการเลือกครีมกันแดดสำหรับผิวหน้าและผิวกายก็ไม่อาจใช้เพียงหลอดเดียว เนื่องจากผิวหน้ามีอัตราการผลัดเซลล์ที่เร็วกว่าผิวกายทำให้ผิวหน้าบางกว่าสูญเสียน้ำได้ง่ายกว่าผิวกาย โดยชั้นหนังกำพร้าของผิวหน้าจะมีความหนาเฉลี่ยอยู่ที่ 0.12 มม. ขณะที่ผิวกายมีความหนาเฉลี่ยอยู่ที่ 0.60 มม. นอกจากนี้ความหนาของผิวกายนี้ยังนำไปสู่การสะสมของเซลล์ผิวที่ตายแล้วและการเจริญเติบโตของแบคทีเรียด้วย สนใจสอบถามข้อมูลการดูแลผิวพรรณเพิ่มเติม เชิญปรึกษาเภสัชกรประจำร้าน HealthyMax เพิ่มเพื่อนทักเลย LINE OA @HealthyMax ช้อปสุขภาพดี 24 ชั่วโมง

แค่ผิวแห้งคัน หรือผิวแพ้ง่ายเรื้อรัง อาการคันที่ผิวหนังมักพบในผู้ที่มีผิวแห้ง แต่หากพบอาการคันเป็นประจำอาจไม่ได้มีแค่ภาวะผิวแห้ง แต่อาจหมายถึงมีปัญหาผิวแพ้ง่าย จนกลายเป็นโรคผิวหนังเรื้อรัง ในเด็กเล็กมักพบอาการ ผื่นแดง คัน ซึ่งเป็นอาการแสดงของผู้ที่มีปัญหาผิวแพ้ง่าย เมื่ออายุเพิ่มขึ้นเกราะปกป้องผิวแข็งแรงขึ้นปัญหาผิวแพ้ง่ายในเด็กอาจลดลง แต่หลายครั้งอาการกลับมีความรุนแรงขึ้น หรือในบางท่านไม่เคยมีปัญหาผิวแพ้ง่ายตอนเด็กแต่เมื่ออายุเพิ่มขึ้นกลับมีภาวะผิวแพ้ง่ายจนเป็นปัญหาผิวเรื้อรัง การดูแลผิวแพ้ง่ายที่ตรงจุด เข้าใจ สาเหตุ และปัจจัยกระตุ้น เป็นหัวใจสำคัญในการสยบปัญหาผิวแพ้ง่ายอย่างถาวร ผิวหนังของคนเราจะมีเกราะปกป้องผิวตามธรรมชาติ Natural Moisturizing Factor  ปกป้องไม่ให้ผิวของเราแห้ง ขาดน้ำ หรือเกิดการระคายเคือง แต่หากอายุเพิ่มขึ้นภูมิคุ้มกันที่ผิวลดลง ผิวสัมผัสรังสียูวี, หรือแม้กระทั่งการใช้โฟมล้างหน้าหรือผลิตภัณฑ์ที่ดึงความชุ่มชื้นออกจากผิวก็สามารถทำให้ NMF ในผิวชั้นนอกสุดของเราลดลงได้จนก่อให้เกิดปัญหาแพ้ง่าย หากสังเกตเห็นผิวหนังมีอาการแดง เป็นผื่น หรือแม้กระทั่งเป็นขุยและหยาบกร้าน คัน แสบตึงผิว และผิวไหม้ ต้องเฝ้าระวัง อาจเกิดภาวะผิวแพ้ง่ายซ่งสามารถเกิดขึ้นได้ทุกส่วนของร่างกาย ตั้งแต่ผิวหน้า ริมฝีปาก ผิวกาย และหนังศีรษะ หรือในช่วงที่ร่างกายมีการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน เช่น ขณะตั้งครรภ์ ผู้ที่มีผิวแพ้ง่ายและผิวแห้งมีอาการความคล้ายคลึงกันอย่างมาก หากแต่ผิวแห้งอาจไม่จำเป็นต้องมีอาการแพ้ง่ายร่วมด้วยเสมอไป หากเกิดภาวะผิวแพ้ง่าย ต้องให้ความสำคัญต่อผลิตภัณฑ์ที่สามารถเพิ่มเกราะป้องกันผิวมากกว่าแค่การเพิ่มความชุ่มชี้น และหากสามารถลดการอักเสบระคายเคืองในผิวร่วมด้วยจะส่งผลให้ภาวะผิวแพ้ง่ายยุติลงได้อย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ควรหลีกเลี่ยงปัจจัยกระตุ้น เช่น เลี่ยงการสัมผัสสารเคมีรุนแรง ฝุ่น PM 2.5 ที่สามารถส่งผลกระทบและอาจก่อให้เกิดโรคผิวหนังได้ เลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนประกอบของน้ำหอม การอาบน้ำอุ่นหรือล้างมือบ่อยเกินไป การขัดผิวด้วยความรุนแรง การใช้สบู่ทั่วไปที่มีค่าpHรุนแรง ทำให้ผิวแห้งตึงจนเกินไป และควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวที่มีpHเหมาะสมผสาน niacinamide (essential vitamin B3) , panthenol (pro-vitamin B5) และกลีเซอรีน ช่วยฟื้นบำรุงผิวบอบบาง แพ้ง่าย สนใจสอบถามข้อมูลการดูแลผิวพรรณเพิ่มเติม เชิญปรึกษาเภสัชกรประจำร้าน HealthyMax เพิ่มเพื่อนทักเลย LINE OA @HealthyMax ช้อปสุขภาพดี 24 ชั่วโมง

เราย้อนเวลาไม่ได้ แต่เราลดอายุผิวได้ เราเริ่มนับเวลาความเสื่อมอายุผิวตั้งแต่แรกเกิด เพียงแต่เราอาจไม่สังเกตุเห็นความเสื่อมของวัยที่ชัดเจน จนเมื่อเกิดการเปลี่ยนแปลงที่ผิว เช่น ริ้วรอย จุดสีผิวที่เพิ่มขึ้น รูขุมขนที่กว้างขึ้น การสูญเสียวอลุ่มในผิว ผิวหย่อนคล้อยและหย่อนยาน คือจุดสัญญาณที่สังเกตเห็นและบ่งบอกอายุผิวที่เปลี่ยนไป แต่หลายครั้งจุดสัญญาณนี้ไม่ได้สัมพันธ์กับอายุจริง สาเหตุและปัจจัยกระตุ้นที่มีอิทธิพลต่ออายุผิวอย่างมากนอกเหนือจากฮอร์โมน คือ รังสียูวีในแสงแดดที่เร่งการทำลาย Collagen และ Elastic Fiber ในชั้นหนังแท้ และเพิ่มอนุมูลอิสระในผิวทำให้ความยืดหยุ่นของผิวมีคุณภาพลดลง ผิวหย่อนคล้อยและเกิดริ้วรอยเหี่ยวย่น นอกจากนี้มลภาวะทางอากาศ  บุหรี่ สารนิโคตินและสารเคมีอื่นๆ ล้วนกระตุ้นทำให้เกิดอนุมูลอิสระในผิว หากเราต้องการปรับจูนผิวเพื่อลดอายุผิวจริง นอกจากการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีความเหมาะสม ปกป้องผิวจากมลภาวะ เติมความชุ่มชื้นและสารอาหารผิวแล้ว เราต้องดูแล Biological Clocks ของเราด้วยการปรับการนอน อารมณ์ จิตใจ เพื่อลดอายุผิวจากภายในสู่ภายนอก  ร่วมทั้งการทานอาหาร ผัก ผลไม้ที่มีส่วนต้านอนุมูลอิสระหรือเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนประกอบของ Pomegranate Extract, Strawberry Extract, Elderberry Extract, Emblica Extract, Acerola Cherry Extract ร่วมกับ Collagen Peptide เพื่อเสริมสร้างความยืดหยุ่นผิวเพิ่มความชุ่มชื้นลดโอการการเกิดริ้วรอยก่อนวัยอันควร สนใจสอบถามข้อมูลการดูแลผิวพรรณเพิ่มเติม เชิญปรึกษาเภสัชกรประจำร้าน HealthyMax เพิ่มเพื่อนทักเลย LINE OA @HealthyMax ช้อปสุขภาพดี 24 ชั่วโมง

มนุษย์ฝ้า เรื่องของผิวหน้าที่ไม่มีใครอยากเจอ ความผิดปกติของเม็ดสีผิวเล็กน้อย เช่น ผิวหน้าหมองคล้ำ จุดด่างดำจุด หากไม่มีความเข้าใจในการรักษาอาจก่อให้เกิดปัญหาใหญ่อย่าง ฝ้าถาวร ที่สร้างความหนักใจตลอดชีวิต ฝ้า เปรียบเหมือนกระจกสะท้อนปัญหาผิวอ่อนแอ เสียสะสมเรื้อรัง  การรักษาให้ลดเลือนไม่ใช่เรื่องยาก แต่การป้องกันไม่ให้เกิดการกลับเป็นซ้ำ ณ จุดเดิมเป็นเรื่องที่ทำได้ยากหากไม่มีความเข้าใจ ฝ้าตื้น, ฝ้าลึก และฝ้าผสม ซึ่งมีปัจจัยกระตุ้นหลายสาเหตุ เช่น แสงแดด ฮอร์โมนภายในร่างกาย ในผู้หญิงมักพบปัญหาการเกิดฝ้าได้ง่ายขึ้นเมื่อมีการตั้งครรภ์เนื่องจากฮอร์โมนเอสโตรเจนและโปรเจสเตอโรนจะกระตุ้นให้ร่างกายผลิตเม็ดสีเมลานินเพิ่มขึ้น การรักษาแต่ต่างกันไปตามประเภทของฝ้าหากเป็นฝ้าตื้นนิยมรักษาด้วยการผลัดลอกชั้นผิวหนัง การลดการสร้างเม็ดสีผิว ซึ่งหากผลิตภัณฑ์ไม่ได้มาตรฐานอาจก่อให้เกิดการระคายเคืองนำสู่ปัญหาผิวอื่นตามมา การรักษาฝ้าควรได้รับการดูแลจากผู้เชี่ยวชาญ เนื่องจากการรักษาผิดวิธีอาจก่อให้เกิดปัญหาฝ้าลึกถาวรหลังการรักษาฝ้าตื้น นอกจากนี้การดูแลต้องให้ความสำคัญในการปรับสมดุลผิวและการป้องกันผิวจากแสงแดดหลังการรักษาฝ้าเพื่อป้องกันการกลับเป็นซ้ำ ร่วมกับการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีสารสำคัญยับยั้งเอนไซม์ไทโรซิเนสซึ่งเป็นต้นเหตุของการเกิดฝ้า จุดด่างดำอย่าง THIAMIDOLTM     หรือการใช้สารไวท์เทนนิ่ง(Whitening) ที่ช่วยยับยั้งการสร้างเอนไซม์ต้นเหตุในการเกิดเม็ดสีผิวเข้มผิดปกติ ได้แก่ Kojic acid, Arbutin และสารในกลุ่ม Resorcinol ร่วมกับการใช้ผลิตภัณฑ์ป้องกันแสงแดดอย่างสม่ำเสมอ สนใจสอบถามข้อมูลการดูแลผิวพรรณเพิ่มเติม เชิญปรึกษาเภสัชกรประจำร้าน HealthyMax เพิ่มเพื่อนทักเลย LINE OA @HealthyMax ช้อปสุขภาพดี 24 ชั่วโมง